เจ็ทลี หรือ ปรมาจารย์หวงเฟยหง

Jet Li 

          เจ็ทลี หรือ หลี่เหลียนเจี๋ย เกิดในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 เมษายน 1963  และเข้าเรียนโรงเรียนกีฬาที่ Shichahai ซึ่งต่อมาเขาก็ได้เป็นนักกีฬาวูซู และได้รับรางวัลในฐานะนักกีฬาวูซูถึง 5 ปีซ้อนด้วยกัน เขาเคยชนะในการแข่งขันกีฬาวูซูจนได้เหรียญทอง 15 เหรียญ และเหรียญเงินอีก 1 เหรียญ

         

เจ็ทลีเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

       ครั้งหนึ่งตอนที่ลียังเป็นเด็ก เขาได้เดินทางไปกับทีมนักกีฬาวูซู เพื่อไปทำการแสดงโชว์ต่อหน้าประธานาธิบดีนิกสัน แห่งสหรัฐอเมริกา นิกสันชื่นชอบในความสามารถของลีมาก และได้ถามเขาว่าอยากจะมาเป็นบอร์ดี้การ์ดให้ท่านไหม ลีตอบว่า "ผมไม่ต้องการปกป้องใคร เมื่อผมโตขึ้นผมต้องการที่จะปกป้องประเทศจีนของผม ซึ่งมีประชากรจำนวนหนึ่งพันล้านคนเท่านั้น"  และนอกจากกีฬาวูซูแล้ว ลียังได้ฝึกเพลงหมัดของเส้าหลินเหนือ และการใช้อาวุธในหลักสูตรของวูซูอีกด้วย

ขณะที่ลีได้ไปแสดงโชว์ที่อเมริกา

          ในปี 2530 ลีได้แต่งงานกับหญิงสาวที่เป็นสมาชิกของทีมวูซู และเคยได้ร่วมแสดงภาพยนตร์กับเขาสองเรื่อง จากนั้นพวกเขาก็มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน คือ ซี และ แทมมี่ ก่อนที่ทั้งสองจะหย่ากันในปี 2533 และในปี 2542 ลีก็ได้แต่งงานใหม่กับ นีน่า ลื่อจี้ นักแสดงสาวจากเซี่ยงไฮ้ และมีลูกสาวด้วยกันอีกสองคน คือ เจน และ จาด้า

          ซึ่งในภายหลังลีได้ยอมรับว่า การแต่งงานครั้งแรกของเขาไม่ได้เกิดจากความรัก  เขาแต่งเพราะว่าเชื่อในคำแนะนำของผู้ใหญ่ แต่ทางฝ่ายหญิงนั้น เธอก็ดีและรักเขามาก และปัจจุบันทั้งคู่ก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่

เจ็ทลีกับหวง ชิวเหยียน ในการแต่งงานครั้งแรกของเขา

ภรรยาคนปัจจุบัน ซึ่งเจอกันในภาพยนตร์เรื่อง Dragon Fight ปี 1988

         ลีอยู่ในมัลดีฟส์เมื่อเกิดเหตุการณ์สึนามิ ในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปีพ.ศ.2546 แม้ว่าเขาจะได้รับรายงานในช่วงเวลานั้นว่า เขาเสียชีวิตในช่วงที่เกิดภัยพิบัติก็ตาม แต่ความจริงแล้วเขาแค่ได้รับบาดเจ็บที่เท้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากชิ้นส่วนของเฟอร์นิเจอร์ลอยน้ำมากระแทก  ในขณะที่เขากำลังพาลูกสาววัย 4 ขวบคือเจน และพี่เลี้ยงที่อุ้มลูกสาว จาด้า วัย 1ขวบ ของเขาไปยังที่ปลอดภัย ทั้งสี่คนอยู่ข้างสระว่ายน้ำเหนือหาดเมื่อคลื่นพัดถล่มฝั่ง

เจ็ทลีและลูกสาวที่เกิดกับภรรยาใหม่

          ในเวลาว่างนั้น เขาชอบเล่นแบดมินตันและตีปิงปองหรือไม่ก็ขี่จักรยานและนั่งสมาธิ และเขายังสะสมลูกปัดธิเบตที่หาได้ยากอีกด้วย

          ชื่อเสียงที่ได้จากการชนะการแข่งขันกีฬาของเขานำไปสู่การเป็นนักแสดง โดยเริ่มจากที่จีนแผ่นดินใหญ่แล้วเข้าสู่ฮ่องกง และในปี 1982 ภาพยนตร์เรื่อง "Shaolin Temple" ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้มีการแสดง ศิลปะการต่อสู้แบบเส้าหลิน ให้ผู้ชมได้ชมกัน และนั่นสร้างความประทับใจแก่ผู้ชมเป็นอย่างดี ในปี 1983 และปี 1984 เขาได้แสดงหนังเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ของวัดเส้าหลินอีก 2 เรื่อง คือ Shaolin Temple 2 : Kids from Shaolin (1984) และ Martial Arts of Shaolin (1986) ซึ่งก็ค่อนข้างที่จะประสบความสำเร็จด้วยดีแต่ไม่เท่าภาคแรก

หนังที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ชื่อไทยว่า "เสี้ยวลิ้มยี่"

          เมื่อหลี่ย้ายเข้ามาอยู่ในฮ่องกง เขาก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังของฮ่องกงอย่าง ฉีเคอะ โดยผลงานเรื่องแรกที่ทั้งสองได้ร่วมงานกัน คือ Once Upon a Time in China (1991) หรือชื่อไทยว่า หวงเฟยหง โดยหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในเอเชียและต่างประเทศ ส่งผลให้ชื่อของลีเป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกครั้ง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ร่วมงานกันเรื่อยมา เช่น Swordsman II (1992) The Master (1992) Once Upon a Time in China II (1992) Once Upon a Time in China III (1993) Black Mask (1996) และ Once Upon a Time in China and America (1997) เป็นเรื่องสุดท้าย

Once Upon a Time in China หรือ ภาพยนตร์ชุด "หวงเฟยหง" ซึ่งทำให้เขาโด่งดังยิ่งขึ้นไปอีก

          และในปีพ.ศ. 2541 เขาได้รับการเปิดตัวในภาพยนตร์อเมริกันเรื่อง Lethal Weapon 4 ซึ่งเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่เขาเคยเล่นบทตัวร้ายครั้งแรกในเรื่องนี้ ภาพยนตร์เรื่องต่อไปของเขาคือ Romeo Must Die (2000) เขาแสดงร่วมกับนักร้องสาว Aaliyah ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ฮิตติดชาร์จในบ็อกซ์ออฟฟิศ แม้ว่าลีจะพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากในช่วงเวลานั้นก็ตาม

เจ็ทลีจากภาพยนตร์เรื่อง Lethal Weapon 4

          ในปีพ.ศ. 2544 เขาเคยปรากฏตัวในภาพยนตร์ฮอลลีวูดอีก 2 เรื่อง ได้แก่ The One ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขากับ เจสัน สเตแธม และอีกเรื่องคือ Kiss of the Dragon ซึ่งทำรายได้ปานกลางในบ็อกซ์ออฟฟิศ และในเดือนกรกฎาคม ปี 2544 ลีตกลงที่จะร่วมผลิตและแสดงภาพยนตร์แอ๊คชั่นกับเฉินหลง กระทั่งในปี 2549 ภาพยนตร์ศิลปะมหากาพย์เรื่องที่พวกเขาแสดงร่วมกันจึงได้รับการฉายในจีน ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก และกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์จีนในเวลานั้น

เจ็ทลี จากภาพยนตร์เรื่อง "The One"

เจ็ทลี และ เฉินหลง จากภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย

          หลังจากที่หายไปหนึ่งปีจากการแสดงภาพยนตร์เจ็ทลีกลับไปแสดงภาพยนตร์ในปีพ.ศ. 2553 โดยได้รับบทเป็นทหารรับจ้างในภาพยนตร์เรื่อง The Expendables ซึ่งได้ร่วมแสดงกับซิลเวสเตอร์ สตอลโลน เจสัน สเตแธม และ Randy Couture มันเป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาได้ร่วมแสดงกับ เจสัน สเตแธม และในปีพ.ศ. 2555 เขาได้รับบทบาทสั้น ๆ ในภาพยนตร์เรื่อง The Expendables 2 และได้กลับมารับบทเดิมในภาพยนตร์เรื่อง The Expendables 3 เรื่องที่สามในปีพ.ศ. 2557 โดยลีได้กล่าวว่าเขาจะพักการแสดงเนื่องจากความเจ็บป่วยของเขา เขาจึงอยากให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น

            ลียังเคยเล่นหนังฮอลลีวูด ฟอร์มยักษ์อย่างเรื่อง มัมมี่3 คืนชีพจักรพรรดิมังกร โดยเล่นเป็นตัวมัมมี่ ตัวเอกของเรื่อง และยังเล่นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ของจีนในปี 2009 คือเรื่อง มังกรสร้างชาติ อีกด้วย

ลีกับบทสมทบใน The Expendables 2

          จากสถิติในบ็อกซ์ออฟฟิศของลี ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของเขาคือ Lethal Weapon4 ซึ่งทำรายได้ไปมากกว่า 130 ล้านเหรียญสหรัฐ  รองลงมาคือเรื่อง The Expendableds ที่ทำรายได้มากกว่า 103 เหรียญสหรัฐ  และ Hero เป็นภาพยนตร์ลำดับที่สาม ที่ประสบความสำเร็จในสหรัฐ  ส่วนภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดของลีคือ Fist Of Legend  และเรื่องที่แย่ที่สุดคือ War

จากภาพยนตร์เรื่อง Fist Of Legend หนังที่ดีที่สุดของลี

จากภาพยนตร์ที่มีกระแสว่าแย่ที่สุด War

เจ็ทลีในวัย 54 ปี ซึ่งมีปัญหาสุขภาพและดูแก่ลงไปมาก

ผลงานภาพยนตร์ที่สร้างชื่อของเจ็ทลี

1.Shaolin Temple 1982

2.หวงเฟยหง ตอน หมัดบินทะลุเหล็ก

3.หวงเฟยหง ตอน ถล่มมารยุทธจักร

4.หวงเฟยหง ตอน ถล่มสิงโตคำราม

5.หวงเฟยหง ตอน พิชิตตะวันตก

6.มังกรไทเก๊ก คนไม่ยอมคน 

7.ฟงไสหยก สู้บนหัวคน

8.ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง หัวใจผงาดฟ้า

9.บอร์ดี้การ์ด ขอบอกว่าเธอเจ็บไม่ได้

10.ริกส์ คนมหากาฬ4

11.The One

12.คนหมาเดือด

13.หนึ่งฟัดหนึ่ง ใหญ่ต่อใหญ่ (ร่วมงานกับเฉินหลง)

14.เดอะมัมมี่3 คืนชีพจักรพรรดิมังกร

15.The Expenabled 1-3

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดียภาษาอังกฤษ

และ ภาพจาก กูเกิล